การเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และสภาพจิตใจ ของผู้สูงอายุมีผลต่อการกินอาหารที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ
1.ผู้สูงอายุควรเลือกกินอาหารที่ให้พลังงานน้อย
องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ลดพลังงานในอาหารลง 5% ต่อ 10 ปี ของอายุที่เพิ่มขึ้น จนถึงอายุ 59 ปี พออายุ 60-69 ปี ให้ลดพลังงานลง 10% และเมื่ออายุ 70 ปี ขึ้นไป ให้ลดลง 20%
2.ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีนที่ย่อยง่าย
ได้แก่ อาหารจำพวกเนื้อปลา ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง เพราะมักจะมีปัญหาเรื่องฟัน และอวัยวะย่อยอาหารหย่อนสมรรถภาพในการทำงาน
3.การกินไขมันในวัยนี้จะลดลงเช่นเดียวกับการกินอาหารให้พลังงาน
โดยควรได้รับปริมาณไขมันไม่เกิน 25-30% ของปริมาณทั้งหมด ต่อวัน โดยปริมาณน้ำมันพืชที่ควรได้รับ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
4.ผู้สูงอายุควรได้รับปริมาณคาร์โบไฮเดรต 55%ของปริมาณพลังงานทั้งหมดต่อวัน
โดยกินในรูปแบบของข้าว แป้ง เผือก มัน เพราะจะช่วยให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติมด้วย
5.ผู้สูงอายุยังคงมีความต้องการวิตามินเท่ากับวัยหนุ่มสาว
แต่การที่ได้กินอาหารอ่อนๆ อาจทำให้การได้รับวิตามินไม่เพียงพอ จึงควรให้กินผักผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน เพราะวิตามินส่วนใหญ่อยู่ในผักผลไม้สด
6.ผู้สูงอายุยังคงมีความต้องการแร่ธาตุเท่าเดิม
ได้แก่ ธาตุเหล็กและแคลเซียม แต่โดยทั่วไปอาหารผู้สูงอายุมักมีโปรตีนต่ำ จึงมีผลทำให้ธาตุเหล็กต่ำไปด้วย ต้องให้กินตับ เนื้อสัตว์ ไข่แดง ผักสด และผลไม้ที่มีวิตามินสูง
7.ผู้สูงอายุมักดื่มน้ำไม่เพียงพอ
ควรคื่มให้ได้วันละ 6-8 แก้ว
8.เส้นใยอาหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งในลำใส้และช่วยให้ขับถ่ายง่าย
ที่มาของบทความ : หนังสือ คุณรู้เรื่องอาหารดีพอ?
โดย: ศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สสส.